วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

คู่มือการบริหารโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน


คู่มือบริหารงาน
การบริหารงานบุคคลของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน






โดย
ร้อยตำรวจตรีวรวิทย์  บุญมา
ครูใหญ่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านตาตุม
กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๒๑๒ กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๒๑











กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค ๒ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พ.ศ.๒๕๕๗


คำนำ
            เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการฝึกอบรม หลักสูตรการบริหารงานตำรวจ
ชั้นสูง รุ่นที่ ๓๘ ซึ่งในหลักสูตรไดกำหนดให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมจัดทำรายงานเอกสารศึกษา เกี่ยวกับ
คู่มือบริหารงาน โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับประสบการณ์โดยตรง เพื่อเป็นประโยชน์ในการนำไปใช้เป็นแนวทางการปฏิบัติงานและสร้างความเข้าใจในการนำหลักการบริหารไปสู่การปฏิบัติที่เป็นจริง
ผู้เขียนมีประสบการณ์ทำงานในสังกัดกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนมาโดยตลอดชีวิต
รับราชการ และรับผิดชอบงาน งานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ งานโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน เห็นการพัฒนาโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนมาเป็นลำดับ ซึ่งแต่เดิมเมื่อกว่า ๓๐ ปีที่ผ่านมา สภาพโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนในสมัยนั้น ขาดแคลนทั้งงบประมาณ บุคลากร วัสดุอุปกรณ์ทางการศึกษา อีกทั้งสภาพการคมนาคมในพื้นที่ห่างไกล การ ดินทางค่อนข้างยากลำบาก ระเบียบและกฎหมายไม่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินงาน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ต้องปรับกำลังพลมาทำหน้าที่ครู และเจียดจ่ายงบประมาณของหน่วย มาใช้ดำเนินงาน จนปัจจุบันสามารถสอบคัดเลือกบุคคลภายนอกมาบรรจุเป็นครูตำรวจตระเวนชายแดนได้โดยตรง และได้รับงบประมาณอุดหนุนทางการศึกษาเช่นเดียวกับโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) นอกจากนั้นยังมีกฎหมายรองรับการทำงาน เนื่องจากรัฐได้ออก พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๔๕ ทำให้โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ได้รับการยอมรับและเป็นส่วนหนึ่งของระบบการจัดการศึกษาของชาติดังนั้นการบริหารงานโรงเรียนและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง จึงมีแนวทางและขั้นตอนที่สอดคล้องกับนโยบายทางการศึกษาของชาติ รวมทั้งระเบียบและกฎหมายต่างๆ
สำหรับเอกสารคู่มือบริหารงานบุคคลของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนฉบับนี้ น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงาน โดยเฉพาะในเรื่องการสอบคัดเลือกบุคคลภายนอกเพื่อบรรจุเป็นครูโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และการประเมินครูโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนเพื่อเลื่อนให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้น ตลอดจนการพัฒนาสมรรถนะของครูใหญ่ ผู้บริหารโรงเรียน เพื่อผลักดันการดำเนินงานการจัดการเรียนการสอนให้มีคุณภาพและมีมาตรฐานทางการศึกษา อันจะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชนในพื้นที่บริเวณชายแดน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติให้เจริญก้าวหน้าต่อไปในอนาคต


ร้อยตำรวจตรีวรวิทย์  บุญมา
ครูใหญ่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านตาตุม


(ข)
สารบัญ                                                                                                                            หน้า
คำนำ                                                                                                                                (ก)
สารบัญ                                                                                                                             (ข)
บทนำ                                                                                                                                 ๓
• ความสำคัญของคู่มือการบริหารงาน                                                                                ๓
• วัตถุประสงค์ของคู่มือการบริหารงาน                                                                               ๓
• นิยามศัพท์                                                                                                                       ๓
ความสำคัญของงานและการบริหารงาน                                                                            ๕
• บทบาทหน้าที่ที่รับผิดชอบ                                                                                              ๕
• ลักษณะงานที่สำคัญของการบริหารงาน                                                                         ๕
• ขั้นตอนการการคัดสรรบุคลากรและฝึกอบรม                                                                   ๖
• ขั้นตอนการประเมินครูชั้นสัญญาบัตรเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้น                         ๙
สภาพปัญหาการบริหารงาน                                                                                               ๑๓
• ปัญหาเกี่ยวกับการคัดสรรบุคลากรและการฝึกอบรม                                                        ๑๓
• ปัญหาเกี่ยวกับการประเมินครูชั้นสัญญาบัตรเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้น              ๑๓
แนวทางการบริหารงาน                                                                                                      ๑๗
บรรณานุกรม                                                                                                                      ๑๙
ภาคผนวก




ค่มู มือการบริหารงานบคุ คลของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน
การศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาคนให้มีคุณภาพ และการให้การศึกษาเพื่อพัฒนาคน
นั้น ต้องทำตั้งแต่เยาว์วัย ในการนี้รัฐได้ประกาศใช้ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒
แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๔๕ เพื่อใช้เป็นแนวทางและข้อบังคับในการบริหารจัดการ
การศึกษาของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่มีหน้าที่ในการจัดการศึกษา ทั้งในระดับการศึกษาขั้น
พื้นฐานและอุดมศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถานศึกษา ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย
นับว่าเป็นแหล่งผลิตและพัฒนาคนให้มีความความรู้และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ซึ่งตามหลักสูตร
ฉบับล่าสุดได้แก่ หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.๒๕๔๔ ที่คาดหวังว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน
คือ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ ต้องเป็นเด็กที่มีความคิดสร้างสรรค์ ใฝ่เรียน ใฝ่รู้ รักการเขียน การอ่าน
ค้นคว้า มีความรู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลง มีทักษะและกระบวนการคิด เป็นพลเมืองดี มีความรักชาติ
มุ่งทำประโยชน์ให้ท้องถิ่นที่คาดหวังว่าเป็นคุณภาพหรือมาตรฐานเด็กไทย
ประเทศไทยตามแนวชายแดน ถือเป็นพื้นที่ทุรกันดารและห่างไกลคมนาคมเป็นส่วนใหญ่ มัก
มีปัญหาทางด้านความมั่นคง ประชาชนมีปัญหาด้านคุณภาพชีวิตในเกือบทุกเรื่อง จำเป็นต้องได้รับ
การพัฒนาให้ดีขึ้น ประกอบกับพื้นที่ดังกล่าว มักมีปัญหาด้านความปลอดภัยและการคมนาคม ทำให้
หน่วยงานปกติของรัฐไม่สามารถเข้าไปพัฒนาได้ ตำรวจตระเวนชายแดนมีคุณลักษณะเหมาะสมต่อ
การปฏิบัติงานในพื้นที่(กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน,๔๐ ปี โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน
,๒๕๓๙,หน้า ๓๕) โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน จึงเป็นสถานศึกษาในสังกัด กองบัญชาการตำรวจ
ตระเวนชายแดน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบในการจัดการเรียนการสอนในระดับการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน โดยมีครูใหญ่ที่เป็นข้าราชการตำรวจตระเวนชายแดน รับผิดชอบบริหารจัดการศึกษาและ
รับประกันคุณภาพการศึกษาของโรงเรียน โดยมีผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดน เป็นผู้บริหาร
สถานศึกษาโดยแท้จริง จากสถานะของตำรวจตระเวนชายแดนซึ่งมีภารกิจที่หลากหลายและแตกต่าง
เป็นอย่างมาก ครูตำรวจตระเวนชายแดนนอกจากต้องทำหน้าที่ครูเช่นเดียวกับครูในสังกัดอื่น ยังต้อง
ดูแลความปลอดภัยตามแนวชายแดน การป้องกันการกระทำความผิดกฎหมาย ตลอดจนการทำงาน
มวลชนเพื่อสร้างความเชื่อถือศรัทธากับชุมชน ดังนั้นครูตำรวจตระเวนชายแดนจึงค่อนข้างขาดแคลน
เพราะต้องเป็นบุคคลที่มีจิตใจเข้มแข็งมั่นคง สามารถเผชิญกับความยากลำบาก เป็นบุคคลที่มี
อุดมการณ์แน่วแน่เป็นอย่างมาก จึงจะสามารถทำงานในสถานการณ์ดังกล่าวได้ดี
การบริหารการศึกษา เป็นความพยายามที่จะจัดดำ เนินการเกี่ยวกับการศึกษาอัน
ประกอบด้วยโรงเรียน หลักสูตร ครู นักเรียน วัสดุอุปกรณ์ แบบเรียน อาคารสถานที่ คณะกรรมการ
สถานศึกษา ชุมชนโดยรอบ เป็นต้น ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดผลผลิต คือ ผู้เรียนที่มี
คุณภาพในที่สุด ดังนั้นการที่จะให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ครูจึงเป็นบุคลากรที่สำคัญ ที่จะต้องมี
ความสามารถและสมรรถนะที่เหมาะสม ในปีการศึกษา ๒๕๕๖ กองบัญชาการตำรวจตระเวน
ชายแดนมีสถานศึกษาในความรับผิดชอบจำนวน ๑๗๗ แห่ง จำแนกเป็นโรงเรียนประถมศึกษา ๑๕๙
แห่ง ศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ๑๖ แห่ง โรงเรียนขยายโอกาสในโรงเรียนระดับ
ประถมศึกษา ๒ แห่ง โรงเรียนระดับมัธยมศึกษา ๒ แห่ง มีครูจำนวน ๑,๖๒๘ คน จำแนกเป็นครู
ระดับปฐมวัยและประถมศึกษา ๑,๕๘๒ คน และมัธยมศึกษา ๔๖ คน มีนักเรียนรวมทั้งสิ้น ๒๒,๘๙๕
คน จำแนกเป็นชั้นปฐมวัย ๕,๙๑๖ คน ชั้นประถมศึกษา ๑๖,๐๕๓ คน และมัธยมศึกษา ๙๒๖ คน
(ข้อมูล ณ กันยายน ๒๕๕๖) สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การ
มหาชน) ได้ทำการประเมินคุณภาพการศึกษาภายนอกของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน รอบที่ ๒
เมื่อ พ.ศ.๒๕๕๓ มีโรงเรียนที่เข้ารับการประเมินจำนวน ๑๖๒ แห่งจากโรงเรียนทั้งสิ้น ๑๗๙ แห่ง มี
การประเมิน ๓ ด้าน คือ ด้านผู้บริหาร ด้านครู และผู้เรียน สรุปได้ว่าโรงเรียนที่เข้ารับการประเมิน
ทั้งหมด ผลการประเมินอยู่ในเกณฑ์ดีเป็นส่วนใหญ่
บทนำ
ความสำคัญของคู่มือ
ครูตำรวจตระเวนชายแดน คือ ข้าราชการตำรวจตระเวนชายแดน ที่ได้รับมอบหมายให้ทำ
หน้าที่ ครูปฏิบัติงานในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน จัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรการศึกษา
ขั้นพื้นฐานของกระทรวงศึกษาธิการ และสนองงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จ
พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จำนวน ๘ โครงการ โดยแบ่งเป็น ครูใหญ่ ครูผู้สอน และ
บุคลากรทางการศึกษา เช่น ผู้ดูแลเด็กปฐมวัย ครูอาสา ครูอัตราจ้าง เป็นต้น คู่มือนี้จะเป็นแนว
ทางการบริหารงานบุคคลของโรงเรียน เฉพาะในส่วนของการได้มาและคัดสรร ด้านฝึกอบรมและ
พัฒนา ตลอดจนการประเมินเพื่อแต่งตั้งให้ตำแหน่งที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นขวัญและกำลังใจ เพื่อที่จะมีความ
เจริญก้าวหน้าในสายงาน สำหรับในส่วนการบริหารงานบุคคลด้านอื่น อาทิ การขอแต่งตั้ง โยกย้าย
การลา วินัยและอุทธรณ์ เป็นต้น เนื่องจากครูตำรวจตระเวนชายแดน ก็เป็นข้าราชการตำรวจ
เช่นเดียวกับข้าราชการตำรวจที่ทำหน้าที่ป้องกัน ปราบปราม ฝ่ายอำนวยการ ดังนั้นจึงอยู่ในกรอบ
การบริหารงานบุคคลของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เช่นเดียวกับข้าราชการตำรวจทั้งปวง
วัตถุประสงค์ของคู่มือ
๑) เพื่อให้หน่วยงานในระดับกองกำกับการ กองบังคับการและกองบัญชาการตำรวจตระเวน
ชายแดน ใช้เป็นแนวทางและขั้นตอนในการพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล ของ
โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อให้ได้บุคลากรที่มีความสามารถและสมรรถนะที่เหมาะสม
2) เพื่อนำเสนอรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะผู้บริหารโรงเรียน เพื่อส่งเสริมคุณภาพการศึกษา
ให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
นิยามศัพท์
ร.ร.ตชด. หมายถึง โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งเป็นสถานศึกษาในสังกัด
กองบัญชาการตำ รวจตระเวนชายแดน สำ นักงานตำ รวจแห่งชาติ จัดตั้งขึ้นในพื้นที่ที่
กระทรวงศึกษาธิการ ไม่สามารถเข้าไปจัดตั้งโรงเรียนได้ จัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน พ.ศ.๒๕๔๕ มีครูใหญ่เป็นผู้บริหารจัดการเรียนการสอน เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด
กก.ตชด. หมายถึง กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนหมายเลข ซึ่งเป็นหน่วยปฏิบัติงาน
หลักของกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน มีกฎหมายรองรับพื้นที่การทำงาน เป็นหน่วยบังคับ
บัญชาของ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ปกครองบังคับบัญชาข้าราชการตำรวจที่ทำหน้าที่ครู
ปฏิบัติงานในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนในพื้นที่รับผิดชอบ สำหรับโครงสร้างหน่วยปัจจุบันมี
ทั้งสิ้น ๑๖ กองกำกับการ มีผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนหมายเลข เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด
และทำหน้าที่เป็นผู้บริหารสถานศึกษา( ร.ร.ตชด.) ที่แท้จริง เนื่องจากมีอำนาจในการบริหารงาน
บุคคล บริหารงบประมาณ ตลอดจนวางแผนและประสานงานส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
บก.ตชด.ภาค หมายถึง กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค เป็นหน่วยบังคับบัญชา
ของ กก.ตชด.หมายเลข มีอำนาจปกครองบังคับบัญชา การบริหารงานบุคคล การตรวจสอบ กำกับ
ดูแลหน่วยในสังกัด ตามโครงสร้างหน่วยในปัจจุบัน มีอยู่ ๔ หน่วย คือ บก.ตชด.ภาค ๑,๒,๓,๔ และ
เป็นหน่วยที่ขึ้นการควบคุมทางยุทธการกับ กองทัพภาคที่ ๑,๒,๓,๔ และกองกำลังป้องกันชายแดน
จันทบุรี-ตราด และแต่ละ บก.ตชด.ภาค รับผิดชอบ กก.ตชด.หมายเลข จำนวน ๔ กองกำกับการ มีผู้
บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค ( ผบก.ตชด.ภาค ) เป็น ผู้บังคับบัญชาสูงสุด
บช.ตชด. หมายถึง กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เป็นหน่วยรับผิดชอบงาน
โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน มีหน่วยปฏิบัติงานหลักได้แก่ บก.ตชด.ภาค ทั้ง ๔ ภาค ทำหน้าที่
กำหนดนโยบาย วางแผน ควบคุม กำกับดูแล การบริหารงานทั้งปวงของ ร.ร.ตชด. โดยผ่านการ
ปกครองบังคับบัญชา สั่งการ ผ่าน บก.ตชด.ภาค และกก.ตชด.หมายเลข
ฝอ.๑ บก.อก.บช.ตชด. หมายถึง ฝ่ายอำ นวยการ ๑ กองบังคับการอำ นวยการ
กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เป็นฝ่ายอำนวยการของกองบัญชาการตำรวจตระเวนชานแดน
มีหน้าที่รับผิดชอบ การบริหารบุคคลของตำรวจตระเวนชายแดน มีบทบาทสำคัญในการคัดสรร
บุคลากร ร.ร.ตชด.และการประเมินเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งให้สูงขึ้น
ฝอ.๗ บก.อก.บช.ตชด. หมายถึง ฝ่ายอำ นวยการ ๗ กองบังคับการอำ นวยการ
กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เป็นฝ่ายอำนวยการของกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน
มีหน้าที่รับผิดชอบ งานโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน มีบทบาทสำคัญในการจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับ
ครู ตชด. นักเรียน การกำหนดนโยบาย วางแผน ควบคุม กำกับดูแล การดำเนินงานของ ร.ร.ตชด.ทั้ง
ปวง
ความสำคัญของงานและการบริหารงาน
ร.ร.ตชด. เป็นสถานศึกษาที่ทำการสอน ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ของ กระทรวง
ศึกษาธิการ มีบุคลากรที่ปฏิบัติงานจำนวน ๘-๑๐ คน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนนักเรียนที่มีมากน้อย
ต่างกัน นอกจากนั้น กก.ตชด.หมายเลข ที่เป็นหน่วยบังคับบัญชา มีบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบ
หลายด้าน ทั้งงานเฝ้าตรวจชายแดน งานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ที่มีผลกระทบต่อความ
มั่นคง ซึ่งเป็นภารกิจหลัก ดังนั้นการสรรหาบุคลากรที่ไปเป็นครู จึงมีกระบวนการเพิ่มเติม จากการ
คัดสรรข้าราชการตำรวจที่ทำหน้าที่ป้องกันปราบปรามโดยปกติ เนื่องด้วยลักษณะงานที่แตกต่างจาก
งานทั่วๆ ไป และต้องอยู่ประจำเพื่อปฏิบัติงาน ใน ร.ร.ตชด. จึงทำให้บุคลากรในสายงานนี้ ขอรับการ
แต่งตั้งโยกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่อื่นเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเพื่อรักษาบุคลากรในสายงาน ร.ร.ตชด.ให้อยู่
ปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่อง จึงต้องมีวิธีการให้บุคลากรดังกล่าว มีความการเจริญก้าวหน้าในสายงาน
จึงมีแนวทางการประเมินเพื่อแต่งตั้งให้ตำแหน่งและยศที่สูงขึ้น แยกต่างหากจากข้าราชการตำรวจใน
สายงานอื่น
บทบาทหน้าที่รับผิดชอบ
เนื่องจาก ร.ร.ตชด. มีหน้าที่ในการจัดการเรียนการสอนภาคบังคับ ให้กับเด็กและเยาวชนใน
ท้องถิ่น เพื่อให้มีความรู้สามารถดำรงชีวิตในสังคมได้ เป็นสำคัญ การจัดการเกี่ยวกับการบริหารงาน
บุคคลของโรงเรียน จึงเป็นบทบาทหน้าที่ของหน่วยต้นสังกัดได้แก่ กก.ตชด.หมายเลข บก,ตชด.ภาค
และ บช.ตชด. ซึ่งหน่วยทั้ง 3 ระดับนี้ มีฝ่ายอำนวยการที่รับผิดชอบงาน ร.ร.ตชด.เป็นผู้ดำเนินการ
เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล การติดตาม กำกับดูแล ตรวจสอบการดำเนินงานของโรงเรียนอย่างมี
ประสิทธิภาพ
สำหรับหน่วยงานหลักที่มีบทบาทสำคัญ ในการบริหารงาน ร.ร.ตชด.ได้แก่ ฝอ.๗ บก.อก.บช.
ตชด. ซึ่งรับผิดชอบการอำนวยการ วางแผนในภาพรวม ตรวจสอบ กำกับดูแล เกี่ยวกับ ร.ร.ตชด.
อาคารเรียนและอาคารประกอบ ครู นักเรียน การจัดสรรงบประมาณในสายงานโรงเรียนตำรวจ
ตระเวน ชายแดน รวมทั้งการพัฒนาสมรรถนะของครูใหญ่และครูผู้สอน
ลักษณะงานที่สำคัญของการบริหารงานบุคคล
ลักษณะงานที่สำคัญของการบริหารงานบุคคลของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ในกรอบ
คู่มือนี้ได้แก่
๑. การคัดสรรบุคลากร เพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตำรวจ
เพื่อทำหน้าที่ครูโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน
๒. การพัฒนาและฝึกอบรม
๓. การประเมินเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้น
ขั้นตอนการการคัดสรรบุคลากรและฝึกอบรม
ขั้นตอนการการคัดสรรบุคลากรและฝึกอบรม ตามหลักสูตรเตรียมพร้อมความเป็นครูเพื่อ
บรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ครู (ปท.๑) โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
๑. กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน โดย ฝอ.๑ บก.อก.บช.ตชด.จัดทำ
โครงการสรรหาบุคลากร ครูโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็น
ข้าราชการตำรวจ เพื่อทำหน้าที่ครูโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ทั้งนี้ให้ประสานข้อมูลรายละเอียด
เกี่ยวกับครู ร.ร.ตชด.ที่มีอยู่และความต้องการ จาก ฝอ.๗ บก.อก.บช.ตชด. โดยขออนุมัติหลักการใน
การสรรหาดังนี้ ..“ ให้สรรหาจากศิษย์เก่าโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ที่สำเร็จการศึกษาชั้น
มัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๖) หรือเทียบเท่า หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หรือเทียบเท่า
ตามที่ ก.ตร.หรือ ก.พ.รับรองทั้งชายและหญิง โดยใช้วิธีการคัดเลือก” เพื่อให้เป็นไปตาม
พระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่จะให้ศิษย์เก่า ซึ่งมีภูมิลำเนาใน
ท้องถิ่นได้มีโอกาสรับราชการ และกลับไปพัฒนาโรงเรียนที่ตนมีภูมิลำเนาอยู่
๒.เมื่อ ผบ.ตร.อนุมัติโครงการฯแล้ว สำนักงานกำลังพล จะส่งเรื่องให้กองบัญชาการ
ตำรวจตระเวนชายแดนทราบ เพื่อดำเนินการสอบคัดเลือกตามระเบียบฯ ต่อไป
๓.โดยปกติที่ผ่านมาจะขออนุมัติรุ่นละ ๘๐ คน บช.ตชด.จะพิจารณาจัดสรรอัตรา
ดังกล่าว ให้แก่ บก.ตชด.ภาค ๑-๔ ซึ่งจะพิจารณาจากจำนวนโรงเรียนในสังกัด จำนวนครูที่มีอยู่ การ
แต่งตั้งครูที่ผ่านมา และมอบอำนาจในการสรรหาและสอบคัดเลือกให้แก่บก.ตชด.ภาค ๑-๔ เนื่องจาก
ศิษย์เก่าผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนและสมัครเข้าสอบคัดเลือก หากได้รับการคัดเลือกจะต้องปฏิบัติหน้าที่
ในพื้นที่ บก.ตชด.ภาค ๑-๔ ที่ตนได้สมัครรับการคัดเลือก
๔.บก.ตชด.ภาค ๑-๔ ดำเนินการรับสมัคร สอบคัดเลือกและสัมภาษณ์ตามระเบียบฯ
ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
๕.บก.ตชด.ภาค ๑-๔ ประกาศรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือกและแจ้งรายชื่อให้แก่ บช.ตชด.
ทราบ และส่งตัวเข้ารับการตรวจร่างกายต่อไป
๖.บช.ตชด.จะประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกและดำเนินการออกคำสั่งบรรจุ
แต่งตั้ง โดยประสานกับสำนักงานกำลังพล
๗.ส่งตัวเข้ารับการฝึกอบรมเพื่อแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นประทวน ตาม
หลักสูตรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลักสูตรปรับพื้นฐานตำรวจตระเวนชายแดน โดยกองบังคับ
การฝึกพิเศษ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน
๘.ฝอ.๗ บก.อก.บช.ตชด. ประสานมหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบุรี ร่วมกับกองกำกับ
การ ๑ กองบังคับการฝึกพิเศษ (ค่ายพระรามหก) จัดการอบรมเตรียมความพร้อมการเป็นครู เวลา
อบรม ๗ เดือน (รายละเอียดโครงการตามภาคผนวก)
๙.ส่งตัวกลับแล้วแต่งตั้งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ครูในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ใน
พื้นที่ที่ตนเองเคยศึกษาอยู่ หากไม่สามารถกระทำได้ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ใกล้เคียงได้
ขั้นตอนการสรรหาบุคลากรและฝึกอบรมครูตำรวจตระเวนชายแดน
NO
YES
การขออนุมัติโครงการสรรหา ครู ร.ร.ตชด.
ประจำปี
ตร. อนุมัติ
บช.ตชด. ประกาศรายชื่อและออกคำสั่งแต่งตั้ง
โดยประสานกับ สำนักงานกำลังพล
ส่งตัวเข้ารับการฝึกอบรมเพื่อแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นประทวน
และหลักสูตรเตรียมความพร้อมการเป็นครู
ส่งตัวไปปฏิบัติหน้าที่ต้นสังกัด
แจ้ง บช.ตชด. ทราบ
ดำเนินการสรรหาตามระเบียบฯ
บช.ตชด. พิจารณาจัดสรรอัตราให้กับ บก.ตชด.ภาค 1-4
และมอบอำนาจการคัดสรรให้แต่ละ บก.ตชด.ภาค
ดำเนินการสอบคัดเลือกและสัมภาษณ์
แต่ละ บก.ตชด.ภาค แจ้งรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือก
ให้ บช.ตชด. ทราบและส่งตัวตรวจร่างกาย
ขั้นตอนการประเมินครูชั้นสัญญาบัตรเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้น
ครู ร.ร.ตชด. ที่ได้รับการคัดสรรโดยการสอบคัดเลือก ดังที่กล่าวผ่านมานั้น เป็นครูผู้สอนที่มี
คุณวุฒิมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๖) โดยมีคุณสมบัติต้องเป็นศิษย์เก่า ร.ร.ตชด.เท่านั้น ซึ่งเป็น
พระราชดำริ ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงเห็นว่าศิษย์เก่าเหล่านี้ จะ
กลับไปพัฒนา ร.ร.ตชด. ที่เขาเรียนจบมา ด้วยความสามารถพูดภาษาถิ่นได้ดี จึงทำให้เป็นประโยชน์
ต่อการสอนภาษาไทยให้กับเด็กนักเรียนในท้องถิ่น ซึ่งมักจะพูดภาษาถิ่นเป็นหลักอยู่ก่อนแล้ว เมื่อ
ได้รับการคัดเลือกแล้วจะได้รับยศเป็นสิบตำรวจตรี ตำแหน่ง ครู (ปท.๑)
สำหรับการเลื่อนตำแหน่งของครู (ปท.๑) เป็นนายตำรวจสัญญาบัตรจะต้องทำการสอบ
เช่นเดียวกับตำรวจในสายงานอื่นๆ เมื่อเป็นนายตำรวจสัญญาบัตรจะดำรงตำแหน่ง ครู (สบ ๑) ตามมติที่
ประชุม ก.ตร. ครั้งที่ ๓/๒๕๕๕ เมื่อ ๒ มี.ค. ๕๕ อนุมัติกรอบจำนวนและระดับตำแหน่งให้กับ บช.
ตชด. รวม ๔๗๐ ตำแหน่ง พร้อมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง
ครู (สบ ๑) , ครู (สบ ๒) และ ครู (สบ ๓) โดยสรุปคือให้ครูใหญ่ ร.ร.ตชด. เป็นนายตำรวจชั้นสัญญา
บัตรทุกแห่ง โดยกำหนดระดับ ดังนี้
๑ โรงเรียนที่มีนักเรียนไม่เกิน ๑๒๐ คน ให้มีครู (สบ ๑) จำนวน ๑ นาย ทำหน้าที่
ครูใหญ่
๒ โรงเรียนที่มีนักเรียน ๑๒๐ - ๓๐๐ คน ให้มีครู (สบ ๒) ทำหน้าที่ครูใหญ่ ๑ นาย
และครู (สบ ๑) ทำหน้าที่ผู้ช่วยครูใหญ่
๓ โรงเรียนที่มีนักเรียนเกินกว่า ๓๐๐ คน ขึ้นไป ให้มีครู (สบ ๓) ทำหน้าที่ครูใหญ่ ๑
นาย และครู (สบ ๑) หรือ ครู (สบ ๒) ทำหน้าที่ผู้ช่วยครูใหญ่ ๒ นาย
๔ ให้มีครู (สบ ๓) ทำหน้าที่นิเทศ จำนวน ๑๖ ตำแหน่ง เพื่อบรรจุใน กองกำกับการ
ตำรวจตระเวนชายแดน (กก.ตชด.) เพื่อนิเทศงาน ร.ร.ตชด. ในสังกัด กก.ตชด. ละ ๑ นาย
จากมติ ก.ตร. ดังกล่าวทำให้กำหนดตำแหน่ง ครู ร.ร.ตชด.ในระดับชั้นสัญญาบัตร ดังนี้
๑ ครู (สบ ๓) ทำหน้าที่ผู้นิเทศ ๑๖ ตำแหน่ง
๒ ครู (สบ ๓) ทำหน้าที่ครูใหญ่ ๘ ตำแหน่ง
๓ ครู (สบ ๑) , ครู (สบ ๒) ทำหน้าที่ครูใหญ่ ๑๗๑ ตำแหน่ง
๔ ครู (สบ ๑) , ครู (สบ ๒) ทำหน้าที่ครูผู้สอน , ผู้ช่วยครูใหญ่ ๙๐ ตำแหน่ง
การเลื่อนตำแหน่งของทั้ง ๓ ระดับ ให้ใช้วิธีประเมินตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามที่ คณะ
กรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (กตช. ) อนุมัติไว้ โดยให้แต่งตั้งตามห้วงระยะเวลาในวาระการ
แต่งตั้งประจำปี
๑๐
ปฏิทินการดำเนินการขอยื่นขอประเมินเพื่อแต่งดั้งให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้น
๑. ผู้ขอรับการประเมินจะต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กำหนด ต้องสมัครใจ
และยื่นประเมินด้วยตนเอง ปีละ ๑ ครั้ง ตามห้วงระยะเวลาในวาระการแต่งตั้งประจำปีตามมติ ก.ตร.
๒. ผลการปฏิบัติงานที่ยื่นขอประเมิน ใช้ผลการปฏิบัติงานในปีการศึกษาที่ผ่านมา
๓. ห้วงระยะเวลาดำเนินการ
๓.๑ ห้วง ๑๕-๓๑ พ.ค.ของทุกปี กก.ตชด.แต่งตั้งคณะกรรมการประเมินระดับ
กองกำกับการ และผู้ขอรับการประเมินเสนอเรื่องขอรับการประเมิน พร้อมจัดส่งแบบประเมินพร้อม
หลักฐานเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการประเมินระดับกองกำกับการ
๓.๒ ห้วง ๑-๓๐ มิ.ย.ของทุกปี คณะกรรมการประเมินระดับกองกำกับการ
พิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติ และเอกสารหลักฐานตลอดจนรายละเอียดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อ
ประกอบการพิจารณา ตรวจสอบ และลงนามรับรอง พร้อมเสนอรายชื่อผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนและ
ผ่านเกณฑ์การประเมิน และมีความเหมาะสม แล้วเสนอให้ ผบก.ตชด.ภาคต้นสังกัด
๓.๓ ห้วง ๑-๓๑ ก.ค.ของทุกปี ผบก.ตชด.ภาค แต่งตั้งคณะกรรมการประเมิน
ระดับกองบังคับการ เพื่อพิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติ และเอกสารหลักฐานตลอดจนรายละเอียด
อื่นๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกอบการพิจารณา และลงนามรับรอง พร้อมเสนอรายชื่อผู้มีคุณสมบัติ
ครบถ้วน ผ่านเกณฑ์การประเมินและมีความเหมาะสม ให้ ผบช.ตชด.เพื่อดำเนินการต่อไป
๓.๔ ห้วง ๑-๑๕ ส.ค.ของทุกปี ฝอ.๗ บก.อก.บช.ตชด.ในฐานะผู้ช่วย
เลขานุการคณะกรรมการประเมินเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้น ดำเนินการรวบรวมรายชื่อพร้อม
เอกสารหลักฐานต่างๆ ของผู้ผ่านเกณฑ์การประเมินของคณะกรรมการประเมินระดับ บก.ตชด.ภาค
เสนอให้กับ ผบก.อก.บช.ตชด.ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการประเมินฯ พิจารณาเสนอประธาน
คณะกรรมการประเมินฯ กำหนดนัดหมายประชุมพิจารณาต่อไป
๓.๕ ห้วง ๑๖-๓๑ ส.ค.ของทุกป๊ คณะกรรมการประเมินฯ ประชุมพิจารณาผล
การประเมินของผู้ผ่านเกณฑ์ และมีมติให้แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้น
๓.๖ ๑ ก.ย.ของทุกปี ฝอ.๑ บก.อก.บช.ตชด. แจ้งให้ผู้ขอรับการประเมินที่ไม่
ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการประเมินฯ ทราบเป็นลายลักษณ์อักษร สำหรับผู้ผ่านการพิจารณา
ของคณะกรรมการประเมินฯ ฝอ.๑ บก.อก.บช.ตชด.เสนอผลการพิจารณาให้ ผบช.ตชด.แต่งตั้งตาม
ขั้นตอนต่อไป
๑๑
ขั้นตอนการประเมินเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้น
(ต่อ)
บช.ตชด. ประกาศให้มีการประเมินฯ
( มี.ค.- เม.ย. ของทุกปี )
บก.ตชด.ภาค และ กก.ตชด.หมายเลข แต่งตั้งคณะกรรมการประเมินในแต่ละระดับ
( ภายใน เม.ย. ของทุกปี )
ผู้รบั การประเมินย่นื แบบประเมินตามที่กำหนดให้กับคณะกรรมการประเมินฯ ระดับ กก.
( ภายใน พ.ค. ของทุกปี )
คณะกรรมการประเมินฯ ระดับ กก. พิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติ เอกสารหลักฐาน
แบบประเมินฯ และเสนอผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนและผ่านเกณฑ์ให้ ผบก.ตชด.ภาค
พิจารณาตอไป( ภายใน ก.ค. ของทุกปี )
ฝอ.๗ บก.อก.บช.ตชด. รวบรวมรายชื่อผู้ผ่านเกณฑ์เสนอเลขานุการคณะกรรมการ
ประเมินฯ ของ บช.ตชด. พร้อมนัดหมายประชุมพิจารณาต่อไป
( ๑ – ๑๕ ส.ค. ของทุกปี )
คณะกรรมการประเมินฯ ระดับ บช.ตชด. ประชุมพิจารณาผลการประเมินฯ แล้วส่ง
รายชื่อผู้ผ่านเกณฑ์ให้ ฝอ.๑ บก.อก.บช.ตชด. เพื่อดำเนินการแต่งตั้งตามระเบียบ
( ๑๖ -๓๑ ส.ค. ของทุกปี )
๑๒
หมายเหตุ คณะกรรมการประเมินฯ ระดับ บช.ตชด. ดังกล่าว ประกอบด้วย ผบช.ตชด.เป็น ประธาน
คณะกรรมการฯ รอง ผบช.ตชด.ที่กำกับดูแลงานโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน เป็น รองประธาน
คณะกรรมการฯ ผบก.ตชด.ภาค ที่เสนอรายชื่อผู้ผ่านเกณฑ์การประเมิน ทุกท่าน เป็นกรรมการฯ
ผกก.ตชด. ที่เสนอรายชื่อผู้ผ่านเกณฑ์การประเมิน ทุกท่าน เป็นกรรมการฯ โดยมี ผบก.อก.บช.ตชด.
เป็น เลขานุการคณะกรรมการฯ ผกก.ฝอ.๗ บก.อก.บช.ตชด (งาน ร.ร.ตชด.) และ ผกก.ฝอ.๑ บก.
อก.บช.ตชด.(งานกำลังพล) เป็นผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการฯ
(รายละเอียดตามเอกสารภาคผนวก)
ฝอ.๑ บก.อก.บช.ตชด. แจ้งให้ผู้ไม่ผ่านเกณฑ์พิจารณาของ
คณะกรรมการประเมินฯ ทราบเป็นลายลักษณ์อักษร และเสนอรายชื่อผู้ผ่านเกณฑ์
พิจารณาให้ ผบช.ตชด.แต่งตั้งต่อไป
( ภายใน ก.ย.ของทุกปี )
คณะกรรมการประเมินฯ ระดับ บช.ตชด. ประชุมพิจารณาผลการประเมินฯ แล้วส่ง
รายชื่อผู้ผ่านเกณฑ์ให้ ฝอ.๑ บก.อก.บช.ตชด. เพื่อดำเนินการแต่งตั้งตามระเบียบ
( ๑๖ -๓๑ ส.ค. ของทุกปี )
๑๓
สภาพปัญหาการบริหารงาน
ปัญหาเกี่ยวกับการคัดสรรบุคลากรและการฝึกอบรม
ปัญหาที่สำคัญประการหนึ่งของการบริหารงานบุคคลของ ร.ร.ตชด. คือ บุคลากรเหล่านี้เมื่อ
บรรจุเข้าปฏิบัติงาน เมื่อครบกำหนดเงื่อนไขตามคำสั่ง มักขอแต่งตั้งโยกย้าย เพื่อไปทำงานด้านอื่นอาทิ
เช่น ในสายป้องกันปราบปราม หรือฝ่ายอำนวยการ มีครอบครัว เนื่องจากการทำงานใน ร.ร.ตชด. มี
ความยากลำบาก และต้องอยู่ประจำโรงเรียน เพราะอยู่ในถิ่นทุรกันดาร การเดินทางยากลำบาก จึงทำ
ให้บุคลากรครู โยกย้ายออกนอกสายงานเป็นจำนวนมาก โดยมีสาเหตุสำคัญดังนี้
๑. ปฏิบัติงานครบ ๘ ปีตามเงื่อนไขท้ายคำสั่งแต่งตั้ง ต้องการโยกย้ายไปปฏิบัติงาน
ฝ่ายอำนวยการใน กก.ตชด.ที่สังกัด เนื่องจากมีที่ตั้งอยู่ในเมืองใหญ่
๒. สามารถสอบเลื่อนขึ้นเป็นนายตำรวจสัญญาบัตรในสายงานอำนวยการหรือ
ปราบปราม เนื่องจากระหว่างปฏิบัติหน้าที่ครู ได้ศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี
๓. ประสบอุบัติเหตุ ทำให้สภาพร่างกายไม่เหมาะสม ที่จะทำหน้าที่ครู ดังนั้นจึง
ต้องมอบหมาย ให้ปฏิบัติงานอื่นที่เหมาะสม
ปัญหาเกี่ยวกับการประเมินเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้น
บุคลากรกลุ่มนี้ ไม่มีปัญหาขอโยกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่อื่น เนื่องจากมีอายุสูงขึ้น และมีในสิทธิ
ก้าวหน้าในสายงาน แต่ปัญหาสำคัญคือ ครูใหญ่ ร.ร.ตชด. ในแต่ละโรงเรียนมีสมรรถนะในการบริหาร
จัดการเรียนการสอนต่างกัน อันสืบเนื่องมาจากประสบการณ์ การฝึกอบรมและพัฒนา การศึกษา
อบรมเพิ่มเติม คุณวุฒิทางการศึกษา เป็นต้น ทำให้การพัฒนา ร.ร.ตชด.ในแต่ละพื้นที่ไม่สามารถ
ดำเนินการให้สอดคล้องหรือไปด้วยกัน ซึ่งจะต้องมีการพัฒนาสมรรถนะของครูใหญ่ ร.ร.ตชด.ให้มี
ความเหมาะสมอย่างทั่วถึง เพื่อให้เป็นมืออาชีพในการบริหารจัดการศึกษา และเป็นแบบอย่างต่อการ
พัฒนาของ ครูใหญ่ ร.ร.ตชด.ในรุ่นต่อๆไป การประเมินเพื่อแต่งตั้งให้ครู ตชด.ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นนี้
นับว่าเป็นการเพิ่มแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน ทำให้ผู้ได้รับการแต่งตั้งมีแรงจูงใจในการพัฒนา
สมรรถนะของตนเอง เพื่อให้การทำงานบรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ จากการดำเนินการ
ประเมินครู ตชด.ที่ผ่านมา พบว่าผู้ผ่านเกณฑ์การประเมิน ที่เสนอให้คณะกรรมการประเมินฯ ของ
บช.ตชด. พิจารณา ไม่มีรายใดที่ไม่ผ่านการพิจารณา ซึ่งแสดงว่าการพิจารณาของคณะกรรมการ
ประเมินฯ ในระดับ กก.ตชด.และบก.ตชด.ภาค มีความเหมาะสมและเป็นธรรม
๑๔
จากการศึกษาวิจัยของ พันโท สุทัศน์ คร่ำในเมือง ปริญญาศึกษาศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต
สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย ได้ทำการศึกษาวิจัยพบว่ารูปแบบการ
พัฒนาสมรรถนะของผู้บริหาร ร.ร.ตชด.มีองค์ประกอบ ๓ ด้าน ซึ่งแต่ละด้านมีองค์ประกอบดังนี้ดังนี้
๑. สมรรถนะหลัก
๑.๑ ด้านหน้าที่ป้องกันประเทศ
มีความสามารถในการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาต่างๆ ของประชาชน มี
ความสามารถในการต่อสู้และการใช้อาวุธ มีความสามารถในการพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งให้กับ
ชุมชน มีความสามารถในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ ทั้งจากภาครัฐ เอกชน และชุมชน มีความ
สามารถ ในการรักษาความสงบ ความมั่นคง ความปลอดภัยของประเทศ เช่น ความสามารถในการ
สำรวจ หาข่าว ฯ มีความรู้เกี่ยวกับกฎหมายเพียงพอที่จะนำไปใช้ในการปฏิบัติงานได้เป็นอย่างดี
๑.๒ ด้านจรรยาบรรณข้าราชการตำรวจ
มีความยุติธรรมปฏิบัติต่อผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน
มีความรับผิดชอบ ตั้งใจทำงานอย่างเต็มความสามารถ ปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณของครู มีความ
ซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส ยึดมั่นในความถูกต้อง พัฒนาและเสริมสร้างจิตสำนึกและจริยธรรมของ
บุคลากรภายใต้กรอบแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง มีความสามารถในการบริหารจัดบรรยากาศการเรียน
การสอนให้เอื้อต่อการเรียนรู้ มีความจงรักภักดี เทิดทูนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และแสดงออกถึง
ความจงรักภักดี ด้วยการประพฤติตนเป็นคนดี
๒. สมรรถนะด้านวิชาชีพ
๒.๑ ด้านการบริหารจัดการ
มีความสามารถในการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ มีทักษะในการ
พัฒนาทรัพยากรบุคคล มีความสามารถในการชี้นำบุคคล มีการใช้อำนาจตามหน้าที่ และมีการ
กระจายอำนาจในการบริหารอย่างเหมาะสม มีความสามารถในการบริหารงานภายใต้ความเสี่ยงใน
รูปแบบต่างๆ เช่น การก่อการร้าย ภัยธรรมชาติ เป็นต้น มีความสามารถในการมองภาพรวมของ
องค์กร เข้าใจองค์กร และระบบการทำงานขององค์กร มีพัฒนาการบริหารจัดการทรัพยากรให้เกิด
ประโยชน์สูงสุด มีความรู้ทักษะหลายด้านสามารถนำมาประยุกต์ใช้ เพื่อให้งานบรรลุเป้าหมายที่วาง
ไว้ และมีความสามารถในการวิเคราะห์ สังเคราะห์ สามารถคาดเดาเหตุการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้น
๒.๒ ด้านการเป็นแบบอย่างที่ดี
มีความมุ่งมั่น มีความเสียสละ เห็นแก่ประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ มี
ระเบียบ วินัย ประพฤติปฏิบัติตนตามกฎเกณฑ์อันดีของสังคม และเป็นตัวอย่างที่ดีแก่
๑๕
ผู้ใต้บังคับบัญชา มีทัศนคติที่ดีต่องานตำรวจตระเวนชายแดนและวิชาชีพครู มีความสามารถในการ
สร้างความสามัคคีในองค์กร และการทำงานเป็นทีม มีทัศนคติเปิดกว้าง เข้าใจผู้อื่น ยืดหยุ่น มีบุคลิกที่
เป็นมิตร
๒.๓ ด้านการจัดการความรู้และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
สามารถประเมินการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อปรับปรุงการบริหาร
จัดการ สามารถใช้และบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา และการปฏิบัติงานได้อย่าง
เหมาะสม จัดให้มีระบบการบริหารองค์ความรู้ ที่สามารถรวบรวมองค์ความรู้ ทั้งความรู้ที่ปรากฏอยู่
และความรู้ที่อยู่ในตัวบุคคล ส่งเสริมและสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา มีทักษะการสอน
การใช้สื่อการสอน เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ และมีความรู้ในสาขาวิชาชีพครูเพียงพอต่อการ
ปฏิบัติหน้าที่
๓. สมรรถนะด้านเทคนิค
๓.๑ ด้านการบริหารงานยุคโลกาภิวัฒน์
ส่งเสริมและพัฒนาให้มีการฝึกอบรมพัฒนาตามแนวทางการพัฒนา
สมรรถนะ จัดให้มีระบบการประเมินความพึงพอใจและแรงจูงใจของผู้ใต้บังคับบัญชา แล้วปรับปรุง
และสร้างแรงจูงใจรวมทั้งบรรยากาศและสภาพแวดล้อมในที่ทำงาน ส่งเสริมให้ผู้ใต้บังคับบัญชา
กำหนดเป้าหมายการทำงาน การวางแผนด้านอาชีพและให้โอกาสพัฒนาความรู้ทักษะความสามารถ
ความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติงาน ร่วมกันวางกฎเกณฑ์ ระเบียบ และวิธีการในการปฏิบัติงานและการ
แก้ปัญหา เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วม ส่งเสริมและพัฒนาข้าราชการให้มีพฤติกรรมในการทำงาน โดย
คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน จัดให้มีกิจกรรมพัฒนาพฤติกรรมและทัศนคติใน
การปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมและจูงใจให้ข้าราชการมีความใฝ่รู้และวางแผนพัฒนา
ตนเอง และมีวิธีการบริหารงานเชิงกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับทุกหน่วยงาน
๓.๒ ด้านการสร้างแรงจูงใจและส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรม
การนำข้อมูลต่างๆ ที่ได้จากประชาชนและชุมชนมาใช้ในการวางแผนการ
ปฏิบัติงานและการปรับปรุงกระบวนการ รวมถึงการบริการใหม่ๆ กำหนดวิธีการรวบรวมและ
วิเคราะห์ข้อเรียกร้องทั้งหมด เพื่อใช้ปรับปรุงการดำเนินงาน การมีวิธีการตรวจสอบหรือรับฟังข้อ
เรียกร้องและแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ การคำนึงถึงประชาชนที่พึงมีในอนาคตและนำมา
ประกอบการพิจารณาในการแก้ไขหรือปรับปรุงการดำเนินงาน การจัดทำคำบรรยายลักษณะงาน
พรรณาลักษณะงานที่สามารถสะท้อนถึงบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบที่ชัดเจน เพื่อนำมาเป็น
๑๖
เครื่องมือในการบริหารทรัพยากรบุคคล และการจัดให้มีกิจกรรมการสื่อสารภายในองค์กรเกี่ยวกับการ
ตัดสินใจหรือการใช้ดุลยพินิจของผู้บริหารในเรื่องกาบริหารงานบุคคลอย่างเปิดเผย
๓.๓ ด้านการบริหารราชการแนวใหม่
การมีสัมพันธภาพที่ดีกับผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงานและประชาชน
สามารถบริหารงานได้ตามความเหมาะสมับการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง มี
การบริหารงานโดยเน้นความถูกต้อง และคุณภาพของงาน สามารถบริหารจัดการทรัพยากรหรือ
งบประมาณที่มีอยู่จำกัดให้เกิดปะโยชน์สูงสุด มีการประเมินผลการปฏิบัติงาน และนำผลมาปรับปรุง
การทำงานอยู่เสมอ สามารถควบคุมตนเอง มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ มีความเป็นผู้นำและเข้าใจใน
ระบบราชการ
๑๗
แนวทางการบริหารงาน
จากสภาพปัญหาการบริหารงานบุคคลของ ร.ร.ตชด. ดังที่กล่าวมาแล้วนั้น แนวทางในการ
บริหารงานหรือแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมมีดังต่อไปนี้
๑. การแก้ปัญหาเกี่ยวกับบุคลากรทางการศึกษา ร.ร.ตชด. ที่ขอแต่งตั้งเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่
อื่น ซึ่งทำให้ข้าราชการตำรวจในสายงานครู ตชด.มีความขาดแคลน ประกอบกับการฝึกอบรมเกี่ยว
การเป็นครู ต้องใช้เวลาและงบประมาณ นอกจากนั้นในบางปีงบประมาณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
อาจมีข้อจำกัดเกี่ยวกับกำลังพล ซึ่งจะทำให้การคัดสรรเพิ่มเติมทดแทนกระทำไม่ได้ ก็จะทำให้เกิด
ปัญหารุนแรงขึ้น แนวทางหนึ่งที่เหมาะสมและเป็นการพัฒนาทรัพยากรบุคคล คือ ต้องทำให้บุคลากร
เหล่านี้ ได้มีโอกาสปรับวุฒิเพื่อแต่งตั้งเป็นครู (สบ ๑) ให้เร็วที่สุด ภายใน ๘ ปี ตามเงื่อนไขท้ายคำสั่ง
แต่งตั้ง เพราะบางคนมีคุณวุฒิระดับปริญญาตรีหรือมาศึกษาต่อภายหลัง ซึ่งในสายงานครูมี
ทุนการศึกษาที่ได้รับจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เข้าศึกษาต่อที่
มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นต้น เพราะปัจจุบันการสอบคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งเป็นนายตำรวจชั้นสัญญา
บัตร มีทั้งสายจ่า-นายดาบ และผู้มีคุณวุฒิปริญญาตรี ซึ่งควรกำหนดให้ปฏิบัติงานครูมาแล้วไม่น้อย
กว่า ๔ ปี หลังจากที่ผ่านการสอบคัดเลือกได้รับการแต่งตั้งเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร ดำรง
ตำแหน่ง ครู (สบ ๑) แล้ว ส่วนใหญ่จะอยู่ปฏิบัติงานในสายงาน ร.ร.ตชด. รอรับการประเมินฯ เมื่อ
คุณสมบัติครบถ้วนตามที่กำหนด เพื่อได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ครู (สบ ๒)และครู (สบ ๓)
ต่อไป
๒. สำหรับแนวทางการพัฒนาสมรรถนะครูใหญ่ ร.ร.ตชด. เพื่อส่งเสริมคุณภาพการศึกษานั้น
เห็นว่า ครูใหญ่ ร.ร.ตชด. ควรมีสมรรถนะที่เหมาะสม ได้แก่
๒.๑ สมรรถนะหลัก ตามคุณลักษณะของตำรวจตระเวนชายแดน ที่กำหนดไว้ดังนี้คือ
สามารถทำการรบได้อย่างทหาร ป้องกันอาชญากรรมในหน้าที่ของตำรวจ และสามารถพัฒนาชุมชน
และคุณภาพชึวิต เช่นเดียวกับข้าราชการพลเรือน เพื่อหล่อหลอมค่านิยมและพฤติกรรมที่พึงประสงค์
ร่วมกัน การพัฒนาสมรรถนะดังกล่าว ประกอบด้วย สมรรถนะด้านหน้าที่ในการป้องกันประเทศ และ
สมรรถนะด้านหน้าที่ตามจรรยาบรรณข้าราชการ
๒.๒ สมรรถนะทางวิชาชีพ ครูใหญ่ ร.ร.ตชด.ควรมีคุณสมบัติ ความรู้ ทักษะ และ
ความสามารถด้านการบริหารที่กำหนดเฉพาะสำหรับกลุ่มงาน เพื่อสนับสนุนให้ตำรวจตระเวน
ชายแดนแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสมกับหน้าที่ และส่งเสริมให้ปฏิบัติภารกิจในหน้าที่ให้ดียิ่งขึ้น ซึ่ง
๑๘
ประกอบด้วย สมรรถนะด้านหน้าที่ในการบริหารจัดการ สมรรถนะด้านการเป็นแบบอย่างที่ดี
สมรรถนะด้านการจัดการความรู้และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
๒.๓ สมรรถนะด้านเทคนิค ควรมีความรู้ ทักษะ และความสามารถด้านเทคนิค การ
ปฏิบัติที่จำเป็นในการนำไปปฏิบัติงานในหน้าที่ของตนให้บรรลุผลสำเร็จ ซึ่งจะมีความแตกต่างกันไป
ตามการกำหนดลักษณะของงาน ซึ่งเป็นทักษะโดยตรงในการปฏิบัติงาน เช่น ทักษะในการสอนหรือ
การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ทักษะความรู้ด้านการบริหารด้านการศึกษา ซึ่งเหล่านี้ประกอบด้วย
สมรรถนะด้านการบริหารงานยุคโลกาภิวัตน์ สมรรถนะการสร้างแรงจูงใจและส่งเสริมคุณธรรม
จริยธรรม และสมรรถนะการบริหารราชการแนวใหม่
*******************************
๑๙
บรรณานุกรม
กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน.(๒๕๓๙).๔๐ ปี โรงเรียน ตชด.ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็พระศรี-
นครินทราบรมราชชนนีและสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
กรุงเทพมหานคร:โอ.เอส.พริ้นติ้ง เฮ้าส์.
กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน.(๒๕๕๐).ด้วยจงรักและภักดี.(๕๐ ปี โรงเรียน ตชด.
กรุงเทพมหานคร:โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ฝ่ายอำนวยการ ๗ กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน.(๒๕๕๔).คู่มือ
แนวทางการปฏิบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินให้ดำรงตำแหน่งครู (สบ๑),ครู (สบ๒)และ
ครู(สบ๓) กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน.กรุงเทพมหานคร:ผู้แต่ง
สุทัศน์ คร่ำในเมือง,พันโท.(๒๕๕๓).รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะผู้บริหาร เพื่อส่งเสริมคุณภาพ
การศึกษาของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน.วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยอีสเทิร์น,๔๒-
๕๔.
ฝ่ายอำนวยการ ๗ กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน.(๒๕๕๖).ข้อมูล
นักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ปีการศึกษา ๒๕๕๖. กองบัญชาการตำรวจตระเวน
ชายแดน.กรุงเทพมหานคร:ผู้แต่ง
ภาคผนวก
หน้า 1
หลักเกณฑ์และวิธีการประเมิน
เพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ครู(สบ 1),(สบ 2) และ ครู(สบ 3)
ในสังกัด กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน
..............................................
1.ความหมาย
ตำแหน่งครู หมายถึง ตำแหน่งที่มีลักษณะงานของตำแหน่งสำหรับผู้ปฏิบัติงานตำแหน่ง ครู
(สบ 1) ครู(สบ 2) และครู(สบ 3) จึงมีลักษณะงานหลัก เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน การส่งเสริม
การเรียนรู้พัฒนาผู้เรียน ปฏิบัติงานทางวิชาการ งานนิเทศการศึกษา การคันคว้าทางวิชาการ
วิเคราะห์วิจัยตรวจสอบติดตามและประเมินผล เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนในโรงเรียนตำรวจ
ตระเวนชายแดนให้ได้มาตรฐานการศึกษาและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งประสานความร่วมมือกับ
ผู้ปกครอง บุคคลในชุมชนและหรือสถานประกอบการเพื่อรวมกันพัฒนาผู้เรียน และปฏิบัติหน้าที่อื่นที่
ได้รับมอบหมาย
2.คุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่ง
2.1 ครู(สบ 1)
มีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งดังต่อไปนี้
2.1.1 สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ หรือ
2.1.2 ได้รับปริญญาตรีหรือเทียบเท่าได้ไม่ต่ำกว่านี้ทางสังคมศาสตร์ หรือ
2.1.3 ได้รับปริญญาโทหรือเทียบเท่าได้ไม่ต่ำกว่านี้ทางกฎหมายปกครองรัฐประสาสนศาสตร์
การบริหาร วิจัยสังคมศาสตร์ สังคมศาสตร์สาขาอาชญาวิทยาและงานยุติธรรม พัฒนาสังคม หรือทาง
การศึกษา หรือ
2.1.4 สำเร็จหลักสูตรการฝึกอบรมเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรสายครู หรือ
หน้า 2
2.1.5 คุณวุฒิอื่นที่ ก.ตร.เห็นสมควร
2.2 ครู (สบ 2)
มีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่ง ดังต่อไปนี้
2.2.1 มีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งครู(สบ 1) และ
2.2.2 มี ยศไม่ต่ำกว่าร้อยตำรวจเอก และ
2.2.3 ดำรงตำแหน่งหรือเคยดำรงตำแหน่งข้อหนึ่งข้อใดดังต่อไปนี้
1) รองสารวัตรหรือเทียบเท่ารองสารวัตร รวมแล้วไม่น้อยกว่า 7 ปี และต้องเคยดำรง
ตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่ครู (สบ 1) ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนไม่น้อยกว่า 4 ปี
ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งจะต่อเนื่องกันหรือไม่ก็ได้ หรือ
2) สารวัตรหรือเทียบเท่าสารวัตร ที่เคยดำรงตำแหน่งครู (สบ 1) มาแล้วไม่น้อยกว่า 4
ปี ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งจะต่อเนื่องกันหรือไม่ก็ได้
2.2.4 สำเร็จการฝึกอบรมหลักสูตรสารวัตรหรือเทียบเท่า
2.2.5 ผ่านการประเมินตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ตร.กำหนด 3
2.3 ครู(สบ 3)
มีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่ง ดังต่อไปนี้
2.3.1 มีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งครู(สบ 1) และ
2.3.2 มียศไม่ต่ำกว่า พันตำรวจโท และ
2.3.3 ดำรงตำแหน่งหรือเคยดำรงตำแหน่ง ข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้
1) สารวัตรหรือเทียบเท่าสารวัตร รวมแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี และต้องเคยดำรงตำแหน่งและ
ปฏิบัติหน้าที่ครู (สบ2) ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนมาแล้วไม่น้อยกว่า3 ปี
หน้า 3
ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งจะต่อเนื่องกันหรือไม่ก็ได้
2) รองผู้กำกับการ หรือเทียบเท่ารองผู้กำกับการที่เคยดำรงตำแหน่งครู(สบ 2)มาแล้ว
ไม่น้อยกว่า 3 ปี ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งจะต่อเนื่องกันหรือไม่ก็ได้
2.3.4 ผ่านการประเมินตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ตร.กำหนด
3.ผู้มีสิทธิ์ขอยื่นรับการประเมิน
3.1 ผู้ขอรับการประเมินเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งครู(สบ 2) ขณะยื่นขอรับการประเมิน
ต้องดำรงตำแหน่งครู(สบ 1) มาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี ยกเว้นข้าราชการตำรวจตามข้อ2.2.3 (2)
3.2 ผู้ขอรับการประเมินเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งครู(สบ 3) ขณะยื่นขอรับการประเมินต้อง
ดำรงตำแหน่งครู(สบ 2) มาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี ยกเว้นข้าราชการตำรวจตามข้อ 2.3.3 (2)
ทั้งนี้ ผู้ขอรับการประเมินต้องไม่อยู่ระหว่างถูกตั้งกรรมการสอบสวนพิจารณาทัณฑ์ทางวินัย
หรือ ต้องหาคดีอาญา เว้นแต่เป็นเหตุอันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการ หรือ เป็นความผิดที่
กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ หรือไม่ถูกลงทัณฑ์ที่สูงกว่าภาคทัณฑ์ในปีที่ยื่นขอรับการ
ประเมิน
4.หลักเกณฑ์การประเมินบุคคล
4.1 การประเมินบุคคลให้ดำเนินการ 3 ส่วน คือ
ส่วนที่ 1 การประเมินคุณสมบัติของบุคคล
ส่วนที่ 2 การประเมินคุณลักษณะของบุคคล
ส่วนที่ 3 การประเมินผลการปฏิบัติงาน
4.1.1 การประเมินคุณสมบัติของบุคคล พิจารณาจากองค์ประกอบดังต่อไปนี้
4.1.1.1 ข้อมูลทั่วไป โดยพิจารณาจากประวัติการรับรับราชการ (ก.พ.7)
หน้า 4
4.1.1.2 คุณสมบัติของผู้ขอรับการประเมิน โดยพิจารณาจากคุณสมบัติของผู้ขอรับ
การประเมินให้เป็นไปตามคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งครู(สบ 2) หรือ ครู(สบ 3) แล้วแต่กรณี
4.1.1.3 คำรับรองของผู้บังคับบัญชาหน่วยงานต้นสังกัด
4.1.1.1 เอกสารหรือหลักฐานที่แสดง การมีส่วนร่วมในการเสริมสร้างวินัยคุณธรรม
จริยธรรมและจรรยาบรรณของตำรวจ
4.1.2 การประเมินคุณลักษณะของบุคคล พิจารณาจากองค์ประกอบต่อไปนี้
4.1.2.1 ด้านความรู้ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ตามความรับผิดชอบ
1) ความรู้ความสามารถด้านการสอน
- มีการวางแผนการสอนอย่างเป็นระบบ เพื่อให้การสอนเป็นไปตาม
จุดมุ่งหมายที่วางไว้
- มีความสามารถให้ผู้เรียนรู้จักคิด วิเคราะห์วิจารณ์ในวิชาที่สอน
- มีความสามารถในการใช้เทคนิควิธีการต่างๆ เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความ
สนใจ และติดตามการสอนตลอดเวลา
- มีความสามารถในการใช้สื่ออุปกรณ์การสอนและอุปกรณ์ช่วยสอนที่
เหมาะสมเป็นอย่างดี
- มีความสามารถในการประเมินความรู้ ความเข้าใจของผู้เรียนในวิชาที่
สอน
- มีความสามารถอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสอน
2) ความรู้ความสามารถด้านวิชาการ
หน้า 5
- มีความรู้ในเนื้อหาวิชาและประสบการณ์ในวิชาที่ทำการสอนเป็นอย่าง
ดี
- มีความสนใจติดตามความก้าวหน้าทางวิชาการ ในสาขาวิชาที่สอนเพื่อ
เพิ่มพูนความรู้ใหม่ๆ
- มีการสร้างสรรค์ผลงานทางวิชาการในสาขาวิชาที่ทำการสอนอยู่เสมอ
- มีความสามารถอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานด้านวิชาการ
3) ความสามารถและความรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ
นอกเหนือจากงานสอน
- สามารถปฏิบัติหน้าที่ด้านป้องกันปราบปรามในการปฏิบัติงานด้านการ
ข่าวได้ดี
- ปฏิบัติงานเกี่ยวกับงานโครงการตามพระราชดำริได้เป็นอย่างเป็น
รูปธรรม
- ให้คำแนะนำช่วยเหลื่อในการพัฒนาคุณภาพชีวิตแก่ประชาชนใน
หมู่บ้านที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนตั้งอยู่เป็นอย่างดี
4) คุณธรรมและความรับผิดชอบต่อการปฏิบัติงาน
- มีความเมตตากรุณายุติธรรมปราศจาคอคติต่อผู้เรียน
- มีความอดทนต่อพฤติกรรมผู้เรียน ซึ่งไม่รู้ไม่เข้าใจ หรือติดตาม
เนื้อหาวิชาไม่ทัน
- มีความเต็มใจในการถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้เรียนอย่างเต็ม
ความสามารถและเต็มเวลา
-มีความประพฤติดีและปฏิบัติตนให้เป็นที่เครารพนับถือของผู้เรียนทั้งใน
เวลาและนอกเวลา
หน้า 6
- ปฏิบัติงานสอนตรงต่อเวลาและสอนชดเชยให้ผู้เรียนทั้งในเวลาและ
นอกเวลา
- มีการแสดงออกซึ่งสำนึกต่อปัญหาสังคมที่เกี่ยวข้องกับ
- ส่งเสริมให้ผู้เรียน รู้จักคิดสร้างสรรค์ สำนึกและมีความรับผิดชอบที่จะ
ช่วยเหลือสังคมต่อไป
- มีมนุษย์สัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน
4.1.3 การประเมินผลการปฏิบัติงาน พิจารณาจากองค์ประกอบต่อไปนี้
4.1.3.1 รายงานผลการปฏิบัติราชการ
4.1.3.2 ผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน
- ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
- รายงานผลการแก้ปัญหาและการพัฒนาผู้เรียน
- ผลการประกันคุณภาพการศึกษา
4.2 ผู้ผ่านการประเมินจะต้องได้คะแนนแต่ละส่วนตามที่คณะกรรมการประเมินกำหนด
4.3 ผลการประเมินเมื่อคณะกรรมการประเมินมีมติเป็นประการใดแล้วให้ถือเป็นอันสิ้นสุด
5.คณะกรรมการประเมิน องค์ประกอบและอำนาจหน้าที่
5.1 องค์ประกอบ
ให้ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อประเมินประสิทธิภาพ
การสอน และการปฏิบัติหน้าที่ โดยองค์ประกอบดังนี้
หน้า 7
5.1.1 ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เป็นประธาน
5.1.2 รองผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เป็นกรรมการ
(รับผิดชอบงานโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน)
5.1.3 ผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนต้นสังกัด เป็นกรรมการ
5.1.4 ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนต้นสังกัด เป็นกรรมการ
5.1.5 ผู้บังคับการอำนวยการตำรวจตระเวนชายแดน เป็นกรรมการ/
เลขานุการ
5.1.6 ผู้กำกับการฝ่ายอำนวยการ ๑และ ๗ กองบังคับการอำนวยการ เป็น
ผู้ช่วยเลขานุการ
5.2 อำนาจหน้าที่
ให้คณะกรรมการประเมินประสิทธิภาพการสอนและการปฏิบัติหน้าที่มีอำนาจหน้าที่
ดังต่อไปนี้
5.2.1 ประเมินคุณสมบัติของบุคคล คุณลักษณะของบุคคล และผลการปฏิบัติงาน ให้
เป็นไปตามหลักเกณฑ์การประเมินบุคคลที่กำหนดตาม ข้อ 4.1 – 4.3
ทั้งนี้ คณะกรรมการประเมินประสิทธิภาพการสอนและการปฏิบัติหน้าที่อาจให้
ผู้ขอรับการประเมินมาชี้แจง อธิบาย สาธิต ส่งข้อมูลเพิ่มเติม หรือรับการทดสอบได้ตามสมควร
5.2.2 สรุปผลการประเมิน กรณีที่ผ่านให้เสนอผู้บัญชาการเพื่อดำเนินการแต่งตั้งตาม
ขั้นตอนต่อไป กรณีที่ไม่ผ่านการประเมินให้แจ้งผู้ขอรับการประเมินทราบถึงกรณีที่ไม่ผ่านการประเมิน
เป็นลายลักษณ์อักษรโดยเร็ว
5.2.3 ให้คณะกรรมการแต่ละระดับดำ เนินการประเมินปีละ 1 ครั้ง โดยให้
กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน กำหนดระยะเวลาเริ่มยื่นแบบขอรับการประเมินให้สอดคล้อง
กับวาระการแต่งตั้งประจำปีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
หน้า 8
5.2.4 ให้คณะกรรมการประเมินประสิทธิภาพการสอนและการปฏิบัติหน้าที่ นำ
แบบฟอร์มการดำเนินการต่างๆ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการ ใน
สถานบันการศึกษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ใช้ในการประเมินเพื่อแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรง
ตำแหน่ง ครู(สบ 2) และ ครู (สบ 3)มาพิจารณาปรับปรุงและกำหนดเป็นแบบประเมินเพื่อใช้ในการ
ประเมินเพื่อแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่ง ครู(สบ 2) และ ครู(สบ 3) แล้วแต่กรณี
ตามที่จะใช้ได้โดยอนุโลม ดังนี้
1) แบบประวัติและผลงาน เพื่อขอดำรงตำแหน่ง ครู(สบ 2) และ ครู(สบ 3)
(ปม.01) เป็นแบบประวัติและผลงานเพื่อขอดำรงตำแหน่ง ครู(สบ 2) และ ครู(สบ 3)
2) แบบประเมินประสิทธิภาพการสอนและการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเมินเข้า
สู่ตำแหน่งครู (สบ 2) (ปม.02) เป็นแบบประเมินประสิทธิภาพการสอนและการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อ
ประเมินเข้าสู่ตำแหน่ง ครู(สบ 2) และ ครู(สบ 3)
3)แบบสรุปพิจารณาคุณสมบัติ ผลการสอน และผลงานทางวิชาการ (ปม.
03-1,2) เป็นแบบสรุปผลการพิจารณาคุณสมบัติผลการสอน และผลงานทางวิชาการ เพื่อประเมินเข้า
สู่ตำแหน่ง ครู (สบ 2) และ ครู(สบ 3)
โดยให้นำผลการปฏิบัติหน้าที่ด้านป้องกันและปราบปรามในการปฏิบัติงานด้านการข่าวการ
ปฏิบัติงานเกี่ยวกับงานโครงการตามพระราชดำริ การให้คำแนะนำช่วยเหลือในการพัฒนาคุณภาพชีวิต
แก่ประชาชนในหมู่บ้านที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนตั้งอยู่ มาพิจารณาประเมินเพิ่มเติมด้วย
6.ขั้นตอนและวิธีการประเมิน
6.1 กรณีผู้ขอรับการประเมินดำรงตำแหน่งในสังกัด กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน
6.1.1 ผู้ประสงค์จะขอรับการประเมินเป็นผู้ยื่นคำขอตามแบบ ปม.01 พร้อมเอกสาร
ที่เกี่ยวข้องต่อผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด ในกรณีที่ผู้ขอรับการประเมินมีคุณสมบัติยังไม่ครบถ้วนในขณะที่
ขอรับการประเมินก็อาจขอประเมินล่วงหน้าได้ แต่ทั้งนี้ผู้ขอรับการประเมินจะต้องมีคุณสมบัติครบถ้วน
ภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่มีคำขอประเมิน
หน้า 9
6.1.2 ให้ผู้บังคับการต้นสังกัด ตรวจสอบภาระการสอน คุณสมบัติให้ถูกต้องเป็นไป
ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ และให้มีคำสั่งรับเรื่องและเสนอชื่อผู้มีคุณสมบัติครบถ้วน ตามหลักเกณฑ์
ต่อกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน
6.1.3 ให้กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ประเมินประสิทธิภาพการสอนหรือ
ผลการสอน ความประพฤติ และการปฏิบัติหน้าที่ โดยแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อประเมินประสิทธิภาพ
การสอน และการปฏิบัติหน้าที่ ตามแบบ ปม.03-1,2
6.1.4 เมื่อผู้ขอรับการประเมินผ่านการประเมินตามข้อ 6.1.3 และมีคุณสมบัติ
ครบถ้วน ให้คณะกรรมการเพื่อประเมินประสิทธิภาพการสอน และการปฏิบัติหน้าที่ เสนอผลการ
พิจารณาตามแบบ ปม.04 ต่อผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อดำเนินการแต่งตั้งตามขั้นตอน
ต่อไป
6.1.5 ให้ผู้มีหน้าที่ตามข้อ 6.1.1-6.1.4 ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาอัน
สมควร หากตรวจพบว่าผู้ขอรับการประเมินมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์นี้ ให้แจ้งผู้ขอรับ
การประเมินทราบ เป็นลายลักษณ์อักษรโดยเร็ว เพื่อมิให้ผู้ขอรับการประเมินต้องเสียสิทธิ์
6.2 กรณีผู้ขอรับการประเมินมิได้ดำรงตำแหน่ง ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจตระเวน
ชายแดน
6.2.1 ผู้ประสงค์จะขอรับการประเมินเป็นผู้ยื่นขอตามแบบ ปม.01,02 พร้อมเอกสาร
ที่เกี่ยวข้อง ต่อเลขานุการคณะกรรมการที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนแต่งตั้งตามข้อ 5.1
เพื่อทำการประเมินประสิทธิภาพการสอนและการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
6.2.2 ให้เลขานุการคณะกรรมการประเมินประสิทธิภาพการสอนและการปฏิบัติ
หน้าที่ ตรวจสอบภาระการสอน คุณสมบัติให้ถูกต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ และให้มีคำสั่ง
รับเรื่องและเสนอชื่อผู้มีคุณสมบัติครบถ้วน ตามหลักเกณฑ์ต่อกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน
6.2.3 ให้กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้
ในข้อ 6.1.3-6.1.5 โดยอนุโลม
หน้า 10
7.การแต่งตั้ง
7.1 การแต่งตั้งผู้ผ่านการประเมิน ให้มีผลนับแต่วันที่ผู้มีอำนาจแต่งตั้ง สั่งแต่งตั้งข้าราชการ
ตำรวจ ให้ดำรงตำแหน่ง ทั้งนี้ไม่ก่อนวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วน
7.2 เมื่อได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งครู(สบ 2) หรือ ครู(สบ 3)แล้ว จะต้องอยู่ปฏิบัติ
หน้าที่ในตำแหน่งนั้นๆ เป็นเวลากว่า 3 ปี จึงจะมีสิทธิได้รับการแต่งตั้งไปดำรงตำแหน่งในสายงานอื่น
ได้
8.การแต่งตั้งด้วยวิธีพิเศษ
ในกรณีที่มีเหตุผลและความจำเป็นอย่างยิ่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติอาจแต่งตั้ง
ข้าราชการตำรวจที่ดำรงตำแหน่งหน้าที่อื่นๆ หรือบุคคลภายนอก มาดำรงตำแหน่งในหน้าที่ครู(สบ 1),
ครู(สบ 2)หรือครู(สบ 3) ในสังกัดกองบัญชาตำรวจตระเวนชายแดน ในตำแหน่งไม่สูงกว่าตำแหน่งเดิม
ทั้งนี้ผู้ที่ได้รับการเสนอแต่งตั้ง จะต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถสูงดีเด่นเป็นพิเศษ และมี
ความสามารถในการสอนเป็นอย่างดี และมีคุณวุฒิตรงตามคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งส่วน
วิธีการเสนอแต่งตั้งให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินนี้โดยอนุโลม
9. บทเฉพาะกาล
ข้าราชการตำรวจที่เคยดำรงตำแหน่งระดับรองสารวัตร หรือเทียบเท่าที่ทำหน้าที่ครูใหญ่
โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนก่อนหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ครู(สบ
1) ครู(สบ 2) และ ครู(สบ 3) ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนนี้ใช้บังคับ ให้ถือว่าเป็นผู้
มีคุณสมบัติครบถ้วน ตามคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง ครู(สบ 1) ตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินนี้
สามารถได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งหรือเลื่อนระดับตำแหน่งสูงขึ้นได้ และให้นำระยะเวลาที่เคย
ดำรงตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่ รองสารวัตร หรือเทียบเท่าที่ทำหน้าที่ครูใหญ่มานับรวมกับระยะเวลา
การดำรงตำแหน่งครู(สบ 1)ตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินนี้ได้
......................................................................................
หน้า 11
ชื่อตำแหน่งควบ ครู(สบ 1) ปรับเพิ่มลดได้ในตัวเองตั้งแต่ ระดับ รอง สว.ถึง สว.ทำหน้าที่
ครู ร.ร.ตชด.
หน้าที่และความรับผิดชอบ
ปฏิบัติหน้าที่หลักเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน การส่งเสริมการเรียนรู้ พัฒนา
ผู้เรียน ปฏิบัติงานทางวิชาการของ ร.ร.ตชด. พัฒนาตนเอง และวิชาชีพ ประสานความร่วมมือกับ
ผู้ปกครอง บุคคลในชุมชนและหรือสถานประกอบการเพื่อร่วมพัฒนาผู้เรียน การบริการสังคม ด้าน
วิชาการ และปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ได้รับมอบหมาย
ลักษณะงานที่ปฏิบัติ
1.ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการเรียนการสอน และส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการ
ที่หลากหลายโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
2.จัดอบรม สั่งสอน และจัดกิจกรรม เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์
3.ปฏิบัติงานวิชาการของ ร.ร.ตชด.
4.ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการจัดระบบการดูแลช่วยเหลือผู้เรียน
5.ประสานความร่วมมือกับผู้ปกครอง และบุคคลในชุมชนเพื่อร่วมกันพัฒนาผู้เรียน
ตามศักยภาพ
6.ทำนุบำรุง ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม แหล่งเรียนรู้ และภูมิปัญญาท้องถิ่น
7.ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย และประเมินพัฒนาการของผู้เรียนเพื่อนำมาพัฒนาการเรียน
การสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
8.ปฏิบัติงานอื่นตามที่ได้รับมอบหมาย
หน้า 12
คุณสมบัติเฉพาะสำหรับผู้ดำรงตำแหน่ง
1.ได้รับปริญญาตรีหรือเทียบเท่าได้ไม่ต่ำกว่านี้ และดำรงตำแหน่งครู(ปท 1)ทำหน้าที่
ครู ร.ร.ตชด.มาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือ
2.สำเร็จหลักสูตรการฝึกอบรมเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร สายครู ร.ร.ตชด.
3.ผ่านการประเมินจากคณะกรรมการประเมินที่ ตร.ให้ความเห็นชอบ
4.การขอรับการแต่งตั้งไปดำรงตำแหน่งอื่น นอกสายครูร.ร.ตชด.จะต้องดำรง
ตำแหน่งควบครู(สบ 1) และทำหน้าที่ ครู ร.ร.ตชด.ไม่น้อยกว่า 7 ปี
ชื่อตำแหน่ง ครู(สบ 2)
หน้าที่และความรับผิดชอบ
ปฏิบัติหน้าที่หลักเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน การส่งเสริมการเรียนรู้ พัฒนา
ผู้เรียน ปฏิบัติงานทางวิชาการของ ร.ร.ตชด. พัฒนาตนเอง พัฒนาอาชีพ ประสานความร่วมมือกับ
ผู้ปกครอง บุคคลในชุมชนและหรือสถานประกอบการเพื่อกันพัฒนาผู้เรียน การบริการสังคมด้าน
วิชาการ และปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ได้รับมอบหมาย
ลักษณะงานที่ปฏิบัติ
มีความรู้ ความเข้าใจในสาระ หรือกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่รับผิดชอบในระดับพื้นฐาน
มีความสามารถในการออกแบบการเรียนรู้บริหารจัดการเรียนพัฒนาผู้เรียนโดยแสดงให้เห็นว่ามีการ
ดำเนินการตามแนวทางที่หลักสูตรกำหนด และมีการพัฒนาคน และพัฒนาอาชีพ มีทักษะการจัดการ
เรียนรู้ และประเมินผลที่เหมาะสมกับสาระหรือกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่รับผิดชอบสามารถพัฒนาผู้เรียน
ให้มีคุณภาพมาตรฐานการเรียนรู้ของสาระหรือกลุ่มสาระการเรียนรู้เป็นผู้มีวินัย คุณธรรม จริยธรรม
และ จรรยาบรรณวิชาชีพในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย
หน้า 13
คุณสมบัติเฉพาะสำหรับผู้ดำรงตำแหน่ง
1.มีคุณสมบัติตามคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งควบ ครู(สบ 1) และ
2.มียศไม่ต่ำกว่า ร.ต.อ. และ
3.ดำรงตำแหน่งควบ ครู(สบ 1)ทำหน้าที่ ครู ร.ร.ตชด.รวมกันแล้ว ไม่น้อยกว่า 7 ปี
4.ผ่านการประเมินจากคณะกรรมการประเมินที่ ตร. ให้ความเห็นชอบ
5.การขอรับการแต่งตั้งไปดำรงตำแหน่งอื่น นอกสายครู ร.ร.ตชด.จะต้องดำรง
ตำแหน่งควบ (สบ 2) และทำหน้าที่ครู ร.ร.ตชด. ไม่น้อยกว่า 5 ปี
ชื่อตำแหน่ง ครู(สบ 3) ซึ่งไม่ใช่ตำแหน่งควบ ทำหน้าที่ ครูใหญ่
หน้าที่และความรับผิดชอบ
ปฏิบัติหน้าที่หลักเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน การส่งเสริมการเรียนรู้ พัฒนา
ผู้เรียน ปฏิบัติงานทางวิชาการของ ร.ร.ตชด. พัฒนาตนเอง และวิชาชีพ ประสานความร่วมมือกับ
ผู้ปกครอง บุคคลในชุมชนและหรือสถานประกอบการ เพื่อร่วมกันพัฒนาผู้เรียน การบริการสังคมด้าน
วิชาการ และปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ได้รับมอบหมาย
ลักษณะงานที่ปฏิบัติ
มีความรู้ ความเข้าใจในสาระหรือกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่รับผิดชอบในระดับพื้นฐานมี
ความสามารถในการออกแบบการเรียนรู้บริหารจัดการชั้นเรียน พัฒนาผู้เรียน โดยแสดงให้เห็นว่า มี
การดำเนินการตามแนวทางที่หลักสูตรกำหนด และมีการพัฒนาคน และพัฒนาวิชาชีพมีทักษะการ
จัดการเรียนรู้ และประเมินผลที่เหมาะสมกับสาระ หรือกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่รับผิดชอบ สามารถ
พัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพมาตรฐานการเรียนรู้ของสาระ หรือกลุ่มสาระการเรียนรู้เป็นผู้มี วินัย
คุณธรรม จริยธรรม และ จรรยาบรรณวิชาชีพในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย
หน้า 14
คุณสมบัติเฉพาะสำหรับผู้ดำรงตำแหน่ง
1.มีคุณสมบัติตามคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งควบ ครู(สบ 2) และ
2.มียศไม่ต่ำกว่า พ.ต.ท. และ
3.ดำรงตำแหน่งควบ ครู(สบ 2)ทำหน้าที่ ครู ร.ร.ตชด.และได้รับมอบหมายให้ ทำ
หน้าที่ ครูใหญ่รวมกันแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี และ
4.ผ่านการประเมินจากคณะกรรมการประเมินที่ ตร. ให้ความเห็นชอบ
5.การขอรับการแต่งตั้งไปดำรงตำแหน่งอื่นนอกสาย ครู ร.ร.ตชด.จะต้องดำรง
ตำแหน่ง(สบ 3) ซึ่งไม่ใช่ตำแหน่งควบ และทำหน้าที่ ครูใหญ่ หรือ ผู้นิเทศก์ ร.ร.ตชด. ไม่น้อยกว่า 3 ปี
ชื่อตำแหน่ง ครู (ปท 1) ทำหน้าที่ ครู ร.ร.ตชด.
หน้าที่และความรับผิดชอบ
ปฏิบัติหน้าที่หลักเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน การส่งเสริมการเรียนรู้ พัฒนา
ผู้เรียน ปฏิบัติงานทางวิชาการของ ร.ร.ตชด. และมีหน้าที่ในการเตรียมความพร้อมอย่างเข้มข้น ก่อน
แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง และปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ได้รับมอบหมาย
ลักษณะงานที่ปฏิบัติ
1.ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการเรียนการสอนและส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการ
ที่หลากหลายโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
2.จัดอบรม สั่งสอน และจัดกิจกรรม เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์
3.ปฏิบัติงานวิชาการของ ร.ร.ตชด.
4.ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการจัดระบบการดูแลช่วยเหลือผู้เรียน
5.ปฏิบัติงานอื่นตามที่ได้รับมอบหมาย
หน้า 15
ลักษณะงานที่ปฏิบัติ
มีความรู้ ความเข้าใจในสาระหรือกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่รับผิดชอบในระดับพื้นฐานมี
ความสามารถในการออกแบบการเรียนรู้บริหารจัดการชั้นเรียน พัฒนาผู้เรียน โดยแสดงให้เห็นว่า มี
การดำเนินการตามแนวทางที่หลักสูตรกำหนด และมีการพัฒนาคน และพัฒนาวิชาชีพมีทักษะการ
จัดการเรียนรู้ และประเมินผลที่เหมาะสมกับสาระ หรือกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่รับผิดชอบ สามารถ
พัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพมาตรฐานการเรียนรู้ของสาระ หรือกลุ่มสาระการเรียนรู้เป็นผู้มี วินัย
คุณธรรม จริยธรรม และ จรรยาบรรณวิชาชีพในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย
คุณสมบัติเฉพาะสำหรับผู้ดำรงตำแหน่ง
-ผู้ที่ได้รับประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพ หรือ
ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง หรือคุณวุฒิอื่นที่ ก.ตร.เห็นสมควร
-------------------------------------------





ประวัติผู้เขียน

1 ความคิดเห็น:

  1. Casinos Near Bryson City, NC - Mapyro
    Search for Casinos Near Bryson City, NC in Bryson City, 전라북도 출장마사지 N.C.. Find reviews, ratings, 하남 출장샵 information, directions, and more 진주 출장샵 for Casinos 계룡 출장샵 Near 화성 출장안마 Bryson City, NC.

    ตอบลบ